วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

เครือข่ายเว็บไซต์ที่น่าสนใจที่ถาม-ตอบปัญหาเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

ขอขอบคุณข้อมูลจากมหาวิทยาลัยมหิดลhttp://www.medplant.mahidol.ac.th/user/qa.asp
คำถาม : สมุนไพรรักษาโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
คำตอบ : สมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด และมีรายงานการทดลองใช้กับผู้ป่วยเบาหวาน มีอยู่หลายชนิดเช่น มะระขี้นก ว่านหางจระเข้ ลูกซัด อบเชย โสม อินทนิลน้ำ เป็นต้น โดยพบว่าผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับผงแห้งจากผลมะระ ขนาด 5 ก. จำนวน 3 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 21 วัน ระดับน้ำตาลจะลดลง 25% จากค่าเริ่มต้น แต่ยังให้ผลที่ไม่ชัดเจน ในขณะที่สารสกัดน้ำจะให้ผลที่ดีกว่า สารสกัดน้ำต้มจากผลเมื่อรับประทานขนาด 500 มก./คน มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในผู้ป่วยได้ และการศึกษาย้อนหลังการใช้มะระขี้นกในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ โดยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงน้อยถึงปานกลาง ซึ่งได้รับมะระขี้นกขนาด 800 - 1,600 มก./วัน ร่วมกับยาเบา- หวาน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และมีผลข้างเคียงเล็ดน้อยคือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
               สมุนไพรที่มีรายงานวิจัยว่าสามารถลดความดันโลหิตในทางคลินิกได้ผล ได้แก่ กระเจี๊ยบแดง กระเทียม ทับทิม งา ฝรั่ง ดอกคำฝอย และขึ้นฉ่าย จากการศึกษาในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงขั้นที่ 1 (ค่าความดัน 140 - 159/90 - 99 มม.ปรอท) ถึงขั้นที่ 2 (ค่าความดัน 160 - 179/100 - 109 มม.ปรอท) อายุ 30 - 80 ปี ที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันก่อนเข้าร่วมการทดลองอย่างน้อย 1 เดือน เมื่อให้ดื่มชาจากผงดอกกระเจี๊ยบแดง 10 ก. ชงในน้ำเดือด 500 มล. และแช่ไว้นาน 10 นาที ดื่มวันละ 1 ครั้ง ช่วงก่อนรับประทานอาหารเช้าทุกวัน เมื่อสิ้นสุดการทดลอง 4 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยมีค่าความดันโลหิตลดลง และมีผลเทียบเท่ากับผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน และการทดลองให้ผู้ป่วยรับประทานกระเจี๊ยบแดงในรูปของสารสกัด anthocyanin จากส่วนของกลีบเลี้ยงขนาด 250 มก./วัน ก็พบว่าสามารถลดความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้
               
คำถาม : มะเร็งเต้านมกับการใช้ยาว่านชักมดลูก111ตราหมอเส็ง
คำตอบ : ยังไม่มีรายงานการวิจัยว่าว่านชักมดลูกช่วยกระตุ้นหรือยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมหรือมะเร็งมดลูกในคน พบแต่รายงานว่าสาร Xanthorrhizol ที่สกัดได้จากว่านชักมดลูกสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมในหลอดทดลองได้ (พบ 1 ฉบับ) แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่านชักมดลูกมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง เมื่อได้รับฮอร์โมนมากเกินไปอาจจะมีผลไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งหรือเนื้องอกให้โตขึ้นได้ ข้อควรระวังเมื่อรับประทานว่านชักมดลูกติดต่อกันเป็นเวลานานหรือรับประทานเกินขนาด อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง และไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาท่อน้ำดีอุดตัน เนื่องจากว่านชักมดลูกมีฤทธิ์กระตุ้นทางเดินน้ำดีได้

คำถาม : สมุนไพรไทยที่ใช้รักษาเยื่อบุช่องปากอักเสบ
  • ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถนำไปใช้รักษาภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งช่องปากที่ได้รับการฉายแสง
  • จากคุณ : pimolala
  • Date : 14/1/2554 15:47:00
คำตอบ : มีการศึกษาประสิทธิผลของกลีเซอรีนพญายอในการป้องกันและบรรเทาอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบ ในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ในคลินิกเคมีบำบัด ที่ดูแลผู้ป่วยระยะสั้น 2 แห่ง ของหน่วยผู้ป่วยนอกอายุรกรรม โรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร ระหว่างเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคม พ.ศ. 2548 กลุ่ม ตัวอย่างได้มาจากการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงตามเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน 65 ราย โดยผู้ป่วยแต่ละรายจะเป็นกลุ่มควบคุมในตนเอง จัดให้ผู้ป่วยเข้าระยะทดลอง หรือระยะควบคุมก่อนโดยการสุ่มให้มีจำนวนเท่าๆกัน เมื่อได้รับเคมีบำบัดชุดต่อไปจัดให้อยู่ในระยะควบคุมหรือทดลองสลับกับชุดแรก ระยะทดลองใช้ กลีเซอรีนพญายอ และระยะควบคุมใช้สิ่งทดลองปลอมเป็นกลีเซอรีนบอแรกซ์ หยดน้ำยาในช่องปาก หรือ บริเวณที่เกิดอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบครั้งละ 2 หยด วันละ 5 ครั้ง เริ่มต้นภายหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับเคมี บำบัดครบแล้ว 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยบันทึกภาวะเยื่อบุช่องปากด้วยตนเองทุกวัน โดยใช้แบบบันทึกรายการ ของอาการในช่องปากที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำแนกระดับเยื่อบุช่องปากอักเสบตามเกณฑ์ขององค์การอนามัย โลก ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้กลีเซอรีนพญายอหยดในช่องปากภายหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด มีอุบัติการณ์ (7.69%) จำนวนวันที่เป็น (2.40±0.55) และคะแนนความรุนแรงของอาการเยื่อบุช่องปาก อักเสบ(1.00±0) น้อยกว่าระยะควบคุม(90.77%, 5.80±1.09, 1.29±0.47 ตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) รวมทั้งเริ่มเกิดอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบช้ากว่าในระยะควบคุม (8.37±2.10 และ 3.12±0.49) อย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) ผู้ป่วยที่ใช้กลีเซอรีนพญายอส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการใช้มาก กลีเซอรีนพญายอเป็นสมุนไพรไทยที่มีราคาไม่แพง และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ
               นอกจากนี้พบว่าเจลใบบัวบกมีฤทธิ์ช่วยในการยึดติดของเยื่อบุเมือกในช่องปากโดยเมื่อทดลองนำเจลบักบกมาเปรียบเทียบกับยาหลอกในกลุ่มอาสาสมัคร 100 คน โดยให้อาสาสมัครทายา 3 ครั้ง คือ หลังอาหารเช้า เย็น ก่อนนอน แล้ววัดขนาดของแผลเป็นมิลลิเมตร ในความแรง 0.5, 1 และ 2% ซึ่งผลการทดลองพบว่าเจลบัวบกทำให้ขนาดของแผลลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยยิ่งมีสารสกัดของใบบัวบกมากขึ้น ก็จะทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ทำให้อาการปวดแผลหายเร็วขึ้น

คำถาม : ชลอการหงอกก่อนวัยได้อย่างไร
คำตอบ : การรับประทานอาหารซึ่งมีวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมและหนังศีรษะ จะช่วยชะลอการหงอกของผมได้ เช่น
               -ทองแดง พบมากในถั่วฝักยาว ถั่วแขก ถั่วลันเตา เมล็ดทานตะวัน ลูกเกด ลูกพลับ กล้วยตาก แครอท หัวไชเท้า เผือก มัน ผลไม้สดทุกชนิด
-ไอโอดีน พบมากในอาหารทะเลทุกชนิด และอาหารที่ปรุงด้วยเกลือไอโอดีน
-เหล็ก มีมากในปลา ลูกเกด ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักพื้นบ้าน เช่น มะเขือพวง ใบชะพลู ผักโขมหนาม และผักกูด
-กรดโฟลิก พบมากในถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ผักบุ้ง กวางตุ้ง แครอท ฟักทอง ไข่แดง และตับ
-กรดแพนโทเทนิก หรือวิตามินบี 5 พบมากในข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด แอ๊ปเปิ้ล
-พาบา อยู่ในกลุ่มวิตามินบีรวม ซึ่งเป็นวิตามินเทียมที่ละลายในน้ำ พบมากในจมูกข้าวสาลี ข้าวกล้อง โยเกิร์ต และผักใบเขียว
-ไบโอติน เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ พบมากในอาหารจำพวกถั่วเหลือง และซีเรียล
               สำหรับสมุนไพรช่วยชะลอผมหงอกที่มีการใช้ภายนอก เช่น น้ำคั้นใบย่านาง วุ้นว่านหางจระเข้ น้ำคั้นบัวบก และกะเม็ง เป็นต้น

คำถาม : สมุนไพรลดน้ำตาลในเลือด
  • ขอทราบข้อมูลการลดน้ำตาลในเลือดของสิงหโมราและฮว่านง็อก และมีสมุนไพรใดที่มีข้อมูลสนับสนุนเรื่องการลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานบ้างค่ะ ขอบคุณคะ
คำตอบ : ยังไม่รายงานว่าต้นสิงหโมราและฮว่านง๊อกมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดทั้งทางคลินิกและในสัตว์ทดลอง ส่วนสมุนไพรที่มีรายงานว่าสามารถลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้และมีการทดสอบทางคลินิกว่าได้ผลดี เช่น มะระขี้นก ว่านหางจระเข้ กระเทียมและอบเชย เป็นต้น

มะรุม
  • มะรุมพืชสมุนไพรใช้หมักทำน้ำเอนไซน์มะรุมได้หรือไม่ มีสรรพคุณหรือโทษอย่างไร
คำตอบ : ทางสำนักงานยังไม่มีรายงานการวิจัยว่าน้ำหมักเอนไซม์มะรุมมีสรรพคุณหรือโทษอย่างไรค่ะ โดยปกติแล้วพืชที่นิยมนำไปทำน้ำหมักเอนไซม์มักเป็นผลไม้หรือพืชที่มีน้ำตาลสูง แต่ผลมะรุมนั้นประกอบด้วยไฟเบอร์อยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่ทราบว่าสามารถนำไปหมักทำน้ำเอนไซม์แล้วจะได้ผลดีหรือไม่

คำถาม : ข้อมูลการใช้สมุนไพร 6 ชนิด ในผู้หญิงหลังคลอด
  • เนื่องจากตอนนี้ที่โรงพยาบาลได้มีโครงการดูแลผู้ป่วยหลังคลอดและมีการต้มนำสมุนไพรให้ผู้ป่วยดื่มเพื่อกระตุ้นน้ำนม ประกอบด้วย ฝางแดง ย่านางแดง ว่านชักมดลูก กำลังเสือโคร่ง นมราชสีห์ ข้าวเย็นเหนือ สูติแพทย์อยากทราบข้อมูลการใช้และความปลอดภัยของสมุนไพรดังกล่าว ขอความกรุณาขอข้อมูลจากอาจารย์ด้วยค่ะ
คำตอบ : จากการสืบค้นข้อมูลที่ที่สำนักงานมี ไม่พบฤทธิ์ในการกระตุ้นน้ำนมของสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด ค่ะ ส่วนรายงานความเป็นพิษมีดังต่อไปนี้

ฝางแดง (Caesalpinia sappan )
- การศึกษาความเป็นพิษของฝางแดงพบว่า การฉีดสารสกัดจากลำต้นด้วย 50% ethanol เข้าทางช่องท้องหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตาย 50% คือ 750 มก./กก.

ย่านางแดง หรือ หญ้านางแดง (Bauhinia strychnifolia  Craib)
- ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ

ว่านชักมดลูก (Curcuma xanthorrhiza  Roxb.)
- การศึกษาความเป็นพิษของว่านชักมดลูกพบว่า การฉีดสารสกัดเหง้าพืชด้วย ethyl acetate เข้าทางช่องท้องและการป้อนให้หนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตาย 50% คือ 5.2 และ 12 ก./กก. ตามลำดับ ส่วนสารสกัดเหง้าพืชด้วย ethanol:น้ำ (1:1) เมื่อฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรขนาดที่ทำให้หนูตาย 50% คือ 250 มก./กก.

กำลังเสือโคร่งมี 2 ชนิด คือ
1. กำลังเสือโคร่ง (Ziziphus attopensis  Pierre) วงศ์ RHAMNACEAE
2. กำลังเสือโคร่ง (Betula alnoides  Buch-Ham.) วงศ์ CUPULIFERAE
ซึ่งทั้ง 2 ชนิด ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ

นมราชสีห์ (Euphorbia hirta  L.)
- การศึกษาความเป็นพิษของนมราชสีห์พบว่าสารสกัดน้ำจากส่วนเหนือดิน เมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดดำของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตาย 50% คือ 7.4 มล./กก.

ข้าวเย็นเหนือ (Smilax corbularia  Kunth)
- ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

อันตรายจากการรับประทานยาชุด

โดย สร้อยสน ปานอนันต์

นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2539 เป็นอย่างน้อยมาแล้วที่กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ให้คนไทยใช้ความระมัดระวังในการซื้อยาชุด เนื่องจากคนไทยจำนวนมากนิยมซื้อมารับประทานเองทุกครั้งเมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วย แทนที่จะไปปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งต้องเสียเวลารอคิวรักษาพยาบาลนาน

ยาชุดประกอบด้วยตัวยาหลายชนิดรวมกัน 3-5 เม็ด อันตรายจากยาชุดเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายได้รับตัวยาซ้ำซ้อนหรือเกินขนาด  หรือใช้ยาไม่ถูกต้อง และอาจเกิดผลข้างเคียงจากสารสเตียรอยด์ เช่น ยาประเภท เพรดนิโซโลน หรือ เดกซาเมตาโซน ซึ่งเป็นต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

อาการที่เกิดจากการใช้ยาชุด ได้แก่ อาการบวมน้ำ ความดันโลหิตสูง หัวใจทำงานหนักผิดปกติ การผิดปกติทางจิตใจและระบบประสาท  กระดูกพรุน หักง่าย กระเพาะอาหารเป็นแผลมีเลือดออกภายใน และถ้ารับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลให้กระเพาะอาหารทะลุได้ 

หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียร นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามข้อและกล้ามเนื้อ ภูมิต้านทานโรคลดดง เกิดโรคติดเชื้อและทำให้เสียชีวิตได้

ยาปฏิชีวนะบางอย่างที่ทำให้เกิดการดื้อยา อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น 
-ยาคลอแรมฟินิคอล ทำให้ให้กระดูกฝ่อและกดการทำงานของเส้นเลือด
-ยาเตตราซัยคลินทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร มีพิษต่อไต และทำให้ฟันของเด็ก/ ทารกมีสีน้ำตาลดำ
-ยาเพนนิซิลิน ทำให้เสี่ยงต่อการดื้อยาและแพ้ยา
-ยาแอสไพริน ก่อให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารหากกินขณะท้องว่าง และอาจทำให้กระเพาะเป็นแผลได้
-ยาไดไพโรน ทำให้เกิดพิษในเด็ก แม้จะทำให้พิษไข้ลดลงอย่างรวดเร็วแต่ก็อาจทำให้เด็กช็อคถึงตายได้

ยาชุดบางชนิดอาจมียากล่อมประสาท ทำให้อาจติดและหงุดหงิดฉุนเฉียวเมื่อเลิกใช้ จึงไม่ควรซื้อยาชุดจาก "หมอตี๋"  มารับประทานเองโดยพลการ เพราะจะทำให้เชื้อโรคดื้อยา และสิ้นเปลืองเงิน  หากเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยควรกินยาสามัญประจำบ้านเท่านั้น หากเจ็บป่วยรุนแรงควรพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของท่านเอง

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

รู้ไว้ใช่ว่า.....เคล็ดลับแม่ศรีเรือน

โดย
สร้อยสน ปานอนันต์

การรับประทานกระเทียมวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 7 กลีบ จะช่วยป้องกันอาการเป็นไข้หวัดและเจ็บคอ บางตำรากล่าวว่า การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือนานๆ จะช่วยแก้หวัดเจ็บคอได้เช่นกัน

ผู้ที่มักจะมีอาการลิ้นเป็นฝ้า ขอให้ใช้แปรงสีฟันแปรงแรงๆระหว่างแปรงฟัน ฝ้าก็จะหายไป ลิ้นสะอาด ไม่มีกลิ่นปากและที่สำคัญคือประสาทรับรู้รสและกลิ่นก็จะดีขึ้นมาก แม้แต่การดมกลิ่นอาหารเพียงอย่างเดียวก็สามารถบอกรสชาติของอาหารได้เลยทีเดียว

บ่อยครั้งที่แม่บ้านหั่นพริกตอนทำครัวแล้วจะรู้สึกแสบมือ ขอแนะนำให้ท่านเอามือจุ่มลงไปในน้ำซาวข้าว นานสักประมาณ 5-10 นาที อาการปวดแสบปวดร้อนนั้นก็จะหายไปราวกับปลิดทิ้ง

สุดท้ายนี้ ขอถ่ายทอดสูตรหมักเนื้อนุ่มสำหรับแม่บ้านในการทำอาหารรสเด็ด ซึ่งโดยปกติแล้วสูตรนี้คนครัวทั่วไปมักจะอุบไว้เป็นความลับ นั่นคือ นำเนื้อสด(ไก่สด/ หมูสด) 1 กิโลกรัม(ไม่ผ่านการแช่แข็ง)มาหั่นขวางเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำแป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนพูนมาคลุกเคล้ากับน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว แล้วนำเข้าแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เมื่อนำออกมาปรุงอาหาร จะได้รสชาติที่เอร็ดอร่อย นุ่มลิ้นเป็นอย่างยิ่ง

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

สิทธิทางเพศ สิทธิเอดส์ คือ สิทธิมนุษยชน

เอดส์ คือ อะไร
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no49/aids.html)

1.     โรคเอดส์คืออะไร


  โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า   ไวรัสเอดส์  หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า  HIV  (เอช-ไอ-วี)  ซึ่งย่อมาจาก Human immunodeficiency Virus   เมื่อไวรัสเอดส์เข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปภายในเซลล์บางชนิดของร่างกาย  จะมีการฟักตัวระยะหนึ่งซึ่งอาจนานเป็นปีหรือนานกว่า 10 ปี  โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ  ต่อมาไวรัสจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย  จนสามารถทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เสื่อมหรือเสียไปเรื่อยๆ  ผู้ป่วยจึงมักมีการติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย  ในที่สุดร่างกายก็ไม่สามารถทนทานได้  และจะเสียชีวิตในที่สุด

2.     ทำไมจึงเรียกว่าโรคเอดส์  (AIDS)
        AIDS มาจากคำเต็มว่า Acuquired immune Deficiency Syndrome

A    =     Acquired     หมายถึง เกิดขึ้นภายหลัง ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด   
I      =     Immune      หมายถึง ระบบภูมิต้านทานหรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
D    =     Deficiency     หมายถึง ความบกพร่อง การขาดไปหรือเสื่อม
S     =     Syndrome     หมายถึง กลุ่มอาการหรือโรคที่มีอาการหลายๆอย่าง
เอดส์  (AIDS)  จึงหมายถึงกลุ่มอาการของภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เกิดขึ้นภายหลัง

3.     ลักษณะพิเศษของเชื้อเอดส์
        เป็นไวรัสกลุ่ม  Retrovirus เป็นไวรัสที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นานเมื่อเทียบกับไวรัสอื่นๆ เชื้อไวรัสชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างจากเชื้อไวรัสอื่นๆ ดังนี้คือ

-      มันสามารถหลบเลี่ยงจากการถูกทำลายจากภูมิคุ้มกันของร่างกายคนปกติได้ด้วยการเข้าหลบอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด  T-Lymphocytes  ทำให้  Antibodies  ที่ถูกสร้างขึ้นไม่สามารถทำอันตรายต่อเชื้อเอดส์ที่บุกรุกเข้ามาในร่างกายได้

-     สามารถนำเอาส่วนของ  gene ของตัวมันเข้าไปแฝงเป็นส่วนหนึ่งของ gene ของเม็ดเลือดขาวของคนเรา  แล้วอาศัย enzyme พิเศษที่ไม่มีในไวรัสชนิดอื่นที่เรียกว่า  Reverse Transcriptase enzyme เป็นตัวกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มีการสร้าง gene โดยที่ตัวมันไม่ต้องแบ่งตัวเอง  ทำให้มีการเพิ่มจำนวน gene ของไวรัสได้อย่างรวดเร็วจนสามารถทำลายเม็ดเลือดขาวที่มันอาศัยอยู่นั้นได้

-   สามารถกระตุ้นให้เซลล์บางชนิดของร่างกายมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นมะเร็งชนิดต่างๆได้ เช่น กระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุหลอดเลือดแบ่งตัวมากจนเกิดเป็นมะเร็งที่เรียกว่า Kaposi’s  Sarcoma หรือสามารถกระตุ้นให้เซลล์ต่อมน้ำเหลืองแบ่งตั จนเกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่เรียกว่า  Lymphoma ได้ เป็นต้น

4.     เชื้อเอดส์หรือไวรัสเอดส์ (HIV) คืออะไร
        เชื้อเอดส์มีชื่อว่า HIV มาจากคำเต็มว่า  Human Immunodeficiency Virus
H    =    Human                 หมายถึง   คน  หรือ  มนุษย์  
I      =    Immunodeficiency   หมายถึง  ภูมิต้านทานโรคบกพร่องหรือเสียไป  
V    =    Virus                    

หมายถึง  เชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากจนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆได้  ถ้าเข้าไปในร่างกาย

                                                   
HIV  จึงหมายถึง เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กมาก  และถ้าเข้าไปในร่างกายก็จะทำให้ภูมิต้านทานโรคของเราเสียไป  และร่างกายก็จะไม่สามารถต้านทานโรคต่างๆได้  จึงล้มป่วยด้วยโรคนั้นๆ

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

การยกฐานะสถานีอนามัยเป็น "โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล"

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.domhospital.com/website/?p=8 และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เป็นอย่างยิ่ง)

สถาน พยาบาลหน่วยย่อยที่สุดของภาครัฐที่ให้การบริการประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศคือ สถานีอนามัย ซึ่งเป็นมากกว่าสถานพยาบาล และสถานีอนามัยทั่วประเทศ จำนวน 9,810 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 30,000 คน กำลังยกฐานะให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นบทบาทที่สำคัญก้าวใหม่ของวงการสาธารณสุขไทย เนื่องจากที่ผ่านมางานซ่อมสุขภาพกับงานสร้างสุขภาพยังแยกส่วนกัน

การยกระดับในครั้งนี้นอกจากเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการสูญเสียเวลาของประชาชน ที่ต้องรอการตรวจรักษาโรคในโรงพยาบาลประจำ จังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป รวมถึงต้องเดินทางไกลแสนไกลเพื่อไปตรวจวินิจฉัยโรคจากแพทย์ในชั่วเวลาไม่ถึง อึดใจเท่านั้น
โรง พยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยังนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบอื่นๆ ให้ผู้ป่วยในพื้นที่ทุกแห่งในแผ่นดินไทยสามารถเข้าถึงบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง รวมถึงการทำงานเชิงรุกที่มีศูนย์รวมอยู่ในพื้นที่ และเน้นให้ประชาชนและองค์กรปกครองท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ ให้ประชาชนเข้ารับบริการในพื้นที่ได้สะดวกมากขึ้น

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะมี 3 ขนาด ตามจำนวนประชากรที่รับผิดชอบ ได้แก่ ขนาดเล็กดูและประชากรไม่เกิน 3,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 5 คน ขนาดกลางดูแลประชากรไม่เกิน 6,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 7 คน และขนาดใหญ่ดูแลประชากรมากกว่า 6,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 9-10 คน

นับเป็นนโยบายทางการเมืองที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้คำมั่นสัญญาต่อประชาคมเรื่องที่ต้องการผลักดันให้ประชาชน มีหลักประกันสุขภาพและเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือเสียน้อยที่สุด ขณะเดียวกันได้มีการพัฒนางานสร้างเสริมสุขภาพ ให้สองด้านมาบรรจบเพื่อให้เกิดการบูรณาการ เกิดความเป็นเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ภาครัฐได้จัดสรรงบประมาณในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะที่ 2 ของนโยบายไทยเข้มแข็งตั้งแต่ปี 2533-2555 ซึ่งจะมีงบประมาณ 86,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณที่ใช้ในการผลักดันโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 14,973 ล้านบาท และยังมีงบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อีก รวม 30,877 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท  เปลี่ยนโฉมทั้งอาคารสถานที่ เครื่องมือแพทย์ และรถพยาบาลที่ใช้ส่งต่อผู้ป่วย 1,000 คัน ซึ่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 จะเกิดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขึ้นทั้งหมด 1,001 แห่ง ครอบคลุมในทุกอำเภอที่มีอยู่ 800 กว่าแห่งทั่วประเทศ และภายใน 3 ปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ

“ก่อน หน้านี้ผมเคยเป็นผู้บริหารชุมชนและเริ่มป่วยเป็นอัมพฤกษ์จนเดินไม่ได้ แต่เมื่อได้รับการรักษาจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโครงการโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบลที่ทำงานเชิงรุก เข้าถึงประชาชนอย่างเต็มที่ ทำให้ขณะนี้หายดี” หนึ่งเสียงของผู้เข้ารับการรักษาจากโครงการโรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตำบลจาก โครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล นายวิกฤษ กมลสาร ผู้พิการจากบ้านหนองเม็ก จ.กาฬสินธุ์

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโคลงการจะช่วยให้เขาหายดีและ มาใช้ชีวิตอย่างปกติได้แล้ว ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ได้รับการช่วยเหลือนี้ เปลี่ยนชีวิตใหม่ เช่น จากเดิมที่ป่วยเป็นโรคหัวใจต้องใช้เงินและเวลาในการไปรักษาตัว แต่เมื่อมีการแพทย์เชิงรุกจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนี้ก็ทำให้เพื่อน บ้านที่ป่วยโรคหัวใจคนนั้นกลับมาใช้ชีวิตปกติหายดีเหมือนเกิดใหม่

“ผม ในฐานะที่เป็นชาวบ้านและได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ผมอยากให้มีการกระจาย โครงการอย่างทั่วถึง เพราะเป็นโครงการที่เข้าถึงความต้องการของชาวบ้านได้อย่างแท้จริงผมซึ่งเป็น ผู้พิการก็ไดรับการดูแลอย่างดีจากโครงการนี้ ผมต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดโครงการดีๆ และทำให้ผมมีกำลังใจในการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น”

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

ในหลวงพระราชทานพรปีใหม่ 2554





ในหลวงพระราชทานพร และ ส.ค.ส.ปีใหม่ 2554
(ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1293810045&grpid=02&catid=02 เป็นอย่างยิ่ง)

วันที่ 31 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพรปีใหม่เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ประจำปีพุทธศักราช 2554 ความว่า บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน ให้มีความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา

ความปรารถนาของทุกคน คงไม่แตกต่างกันนัก คือ ต้องการให้ตนเอง มีความสุขความเจริญ และให้บ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น ในปีใหม่นี้ ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นคนไทยมีความสุขถ้วนหน้า ด้วยการให้ คือ ให้ความรักความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัยกัน ให้การสงเคราะห์อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกันด้วยความบริสุทธิ์ใจและจริงใจ ทุกคน ทุกฝ่าย จะได้สามารถร่วมมือ ร่วมความคิดอ่านกัน สร้างสรรค์ความสุข ความเจริญมั่นคง ให้แก่ตน แก่ประเทศชาติ อันเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องการให้สำเร็จผลได้ ดังที่ตั้งใจปรารถนา

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน

พร้อมกันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.ปีใหม่ ปีพุทธศักราช 2554 แก่ประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์สากลสีครีม ผ้าปักพระกระเป๋าเป็นผ้าลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเน็คไทลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะสูง โต๊ะด้านซ้ายวางแจกันแก้วก้านสูงปักดอกไม้หลากสี โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้วขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสีเช่นกัน ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง 2 สุนัข คือ คุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านขวา และคุณทองแท้ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2542 หมอบอยู่ที่หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย

ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับเป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน มีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ปักดอกกุหลาบและดอกไฮเดรนเยียหลากสีตั้งอยู่ 2 แจกัน แจกันด้านซ้ายมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับอยู่ ส่วนแจกันด้านขวามีผอบทองประดับอยู่ ถัดไปทางด้านหลังทั้งสองด้านมีกระถางไม้ประดับตั้งอยู่

มุมบนด้านซ้าย มีตัวอักษรสีเหลืองข้อความว่า ส.ค.ส. สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ มุมบนด้านขวามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2011

ด้านล่างของ ส.ค.ส.มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุข ความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 121923 ธค.53 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at Suvarnachad publishing, D Bramaputra, Publisher

กรอบของ ส.ค.ส.พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม
สคส.พระราชทานปีพุทธศักราช255