ในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลสุขภาพตำบลบ้านโคกพนมดี ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี มีโบราณสถานที่เรียกว่า "อโรคยศาล" ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโบราณสถานพระพุทธบาทคู่ ณ วัดสระมรกต บ้านสระข่อย ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี รพ.สต.บ้านโคกพนมดีเห็นว่า บทความเรื่อง โรงพยาบาลในจารึกพระเจ้าชัยวรมันที่7 มีเนื้อหาน่าสนใจ จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อ ณ ที่นี้ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณข้อมูลจาก นวพรรณ ภัทรมูล กลุ่มงานวิชาการ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ภาพจากThai-tour.com ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
“เมื่อประชาชนมีโรคถึงความหายนะ
ตามภาวะ
แห่งกรรมด้วยการสิ้นไปแห่งอายุเพราะบุญพระองค์ผู้เป็นราชา ได้กระทำโคที่สมบูรณ์ทั้งสาม
เพื่อประกาศยุคอันประเสริฐ”
ข้อความข้างต้นนี้
เป็นข้อความส่วนหนึ่งของจารึก ในกลุ่มจารึกพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เพื่อบอกถึงความมุ่งหมายในการสร้างสถานพยาบาล
หรือ “อโรคยาศาล”
(คำๆ นี้ปรากฏอยู่ในจารึกบรรทัดที่ ๗ ด้านที่ ๒ ของจารึกในกลุ่มจารึกพระเจ้าชัยวรมันที่๗) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปแบบและภารกิจของอโรคยาศาลที่ได้ระบุไว้ในจารึกนั้น
ก็เทียบได้กับ “โรงพยาบาล” ในปัจจุบันนั่นเอง
จารึกในกลุ่มจารึกพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เท่าที่พบในประเทศไทย ณ ตอนนี้ มีทั้งหมด ๖
หลัก ทั้งนี้ข้อมูลเกี่ยวกับจารึกดังกล่าว ได้รับการรวบรวมและเผยแพร่ทั้งในรูปสิ่งพิมพ์ต่างๆ
เช่นในหนังสือ จารึกพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (กรุงเทพฯ :
กรมศิลปากร, ๒๕๒๘) และหนังสือ
จารึกในประเทศไทย เล่ม
๔ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร,
๒๕๒๙) ตลอดจน ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ที่จัดทาโดย
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) การที่ได้จัดกลุ่มจารึกเหล่านี้เป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากเนื้อหาที่จารึกนั้นมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกันมาก จะต่างกันบ้างก็แต่จานวนบุคคลและสิ่งของที่ระบุในจารึก
อีกทั้งจารึกทุกหลักได้ระบุอย่างชัดเจนถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์หนึ่ง คือ ศรีชัยวรมัน
ว่าเป็นพระโอรสของพระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ ๒ ดังนั้น พระนาม "ศรีชัยวรมัน" ในที่นี้ ก็น่าจะหมายถึง พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ซึ่งครองราชย์ในช่วง พ.ศ. ๑๗๒๔ – ๑๗๖๑
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ – ๑๗๖๑)
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงสืบเชื้อสายมาจาก
ราชวงศ์มหิธรปุระโดยทางพระราชบิดา (พระเจ้าธรณินธรวรมันที่ ๒) ส่วนพระราชมารดานั้นก็
ทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าหรรษวรมันที่ ๓ พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในปี
พ.ศ. ๑๗๒๔
และอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงชัยราชเทวี แต่พระนางสวรรคตเมื่อพระชนม์ยังน้อย พระเจ้าชัยวรมันที่
๗ จึงทรงอภิเษกสมรสกับพระนางอินทรเทวี ซึ่งเป็นพระพี่นางของพระนางชัยราชเทวีอีกครั้งหนึ่ง
พระนางอินทรเทวีทรงมีความรู้หลากหลาย ทรงรอบรู้ในปรัชญา และทรงนับถือพระพุทธศาสนามหายาน
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงมีพระเมตตาต่ออาณา ประชาราษฎร์เป็นอย่างยิ่ง ทรงโปรดให้สร้างสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ต่อประชาชนเป็นจานวนมาก
ซึ่งการก่อสร้างนี้เอง เป็นเหตุให้สิ้นเปลือง ราชอาณาจักรทรุดโทรมลงในเวลาต่อมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ทรงโปรดให้สร้างสถาน พยาบาล หรือที่เราจะเรียกกันต่อไปนี้ว่า “โรง พยาบาล” นั้นถึง
๑๐๒ แห่ง ทั่วทั้งราชอาณาจักร เพื่อเป็นที่รักษาคนป่วย อีกทั้งยังพระราชทานข้าวของเครื่องใช้ตลอดจนยารักษาโรคนั้น
ทาให้สิ้นเปลืองพระราชทรัพย์ไปเป็นอันมาก
“อโรคยาศาล”
หรือ “โรงพยาบาล” ของพระเจ้าชัยวรมันที่
๗
อโรคยาศาล หรือ โรงพยาบาล
ประกอบด้วย ปรางค์ประธาน มีอาคารที่เรียกว่า บรรณาลัย สร้างด้วยศิลาแลง หันหน้าเข้าสู่ตัวปราสาทประธาน
ล้อมรอบด้วยกาแพงแก้ว ตาแหน่งของบรรณาลัย มักจะอยู่ค่อนไปที่มุมด้านทิศ
ตะวันออกเฉียงใต้เสมอ มีซุ้มประตูทางเข้าที่เรียกว่า โคปุระ
ทางด้านหน้าเพียงแห่งเดียว ตั้งอยู่ใกล้ๆ จุดกึ่งกลางของกาแพงแก้วด้านทิศตะวันออก บริเวณด้านนอกกาแพงแก้วด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมีสระน้ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
หรือที่เรียกว่า บาราย หรือสระน้าศักดิ์สิทธิ์กรุด้วยศิลาแลง
อโรคยาศาล เป็นสถานพยาบาลที่สร้างขึ้นตาม
รายทางโบราณของอาณาจักรขอมสมัยพระนคร จะเชื่อมกับปราสาทนครธม
และปราสาทหินอื่นๆ ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้แผ่พระราชอานาจไปถึงและสร้างปราสาทหินเอาไว้
“โรงพยาบาล”
ในจารึก
ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลคาอ่าน – คาแปลของ จารึกในกลุ่มจารึกพระเจ้าชัยวรมันที่
๗ ทั้งหมด ๖ หลัก ได้แก่ จารึกพบที่จังหวัดสุรินทร์
๓ หลัก คือ จารึกปราสาท (สร.
๔), จารึกตาเมียนโตจ (สร.
๑), จารึกสุรินทร์ ๒ (สร.
๖) จารึกพบที่จังหวัดนครราชสีมา ๑ หลัก คือ จารึกเมืองพิมาย
(นม. ๑๗) จารึกพบที่จังหวัดบุรีรัมย์
๑ หลัก คือ จารึกด่านประคา (บร. ๒)
และจารึกพบที่จังหวัดชัยภูมิ ๑ หลัก คือจารึกวัดกู่บ้านหนองบัว
(ชย. ๖) เมื่อได้พิจารณาและเปรียบเทียบในส่วนของเนื้อหาแล้วพบว่า
ทุกหลักมีเนื้อหาและการเรียงลาดับข้อมูลเหมือนกัน กล่าวคือ
จารึกด้านที่ ๑ จะขึ้นต้นด้วยการกล่าว
นมัสการเทพประจาโรงพยาบาล
ตามด้วยสรรเสริญพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ และพระเทวี พร้อมกล่าวถึงมูลเหตุที่สร้าง “โรงพยาบาล”
จารึกด้านที่
๒ กล่าวถึงจานวนเจ้าหน้าที่ประจาโรงพยาบาลตลอดจน
หน้าที่ของแต่ละคน
จารึกด้านที่ ๓ กล่าวถึงจานวนสิ่งของเครื่องใช้ที่พระเจ้าชัยวรมันที่
๗ ได้อุทิศไว้
ข้อแตกต่างของจารึกแต่ละหลักมีเพียงส่วนของ
จานวนเจ้าหน้าที่ และจานวนสิ่งของที่ได้รับมาจากพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อตัดข้อแตกต่างปลีกย่อยเหล่านี้ไป ก็พบว่าเนื้อหาจารึกโดยรวมนั้น
ได้ระบุถึงส่วนประกอบสาคัญที่ประกอบกันขึ้นเป็น “โรงพยาบาล” อันมีอยู่ ๓ ส่วน
ด้วยกัน ได้แก่ เทพประจาโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ประจาโรงพยาบาล สิ่งของเครื่องใช้ประกอบการรักษาพยาบาล
- เทพประจาโรงพยาบาล
เทพประจาโรงพยาบาล มี ๓ องค์ด้วยกัน
ได้แก่ พระไภสัชครุไวทูรย์ (พระโพธิสัตว์ไภษัชยสุคต)
หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระชินะ ถือเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งผู้ประสาท
“ความไม่มีโรค” แก่ประชาชน
เทพอีกสององค์เป็นพระชิโนรส ได้แก่ พระศรีสูรยไวโรจนจันทโรจิ
และ พระศรีจันทรไวโรจนโรหินีศะ ผู้ขจัดซึ่งโรคของประชาชน
- เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลมีหลายตาแหน่ง
แต่ละตาแหน่งมีจานวนบุคคลไม่เท่ากันในแต่ละโรงพยาบาล ในที่นี้จึงขอแสดงจานวนไว้คร่าวๆ
ดังนี้
(๑) แพทย์ จานวน ๒ คน
(๒) เจ้าหน้าที่ (ชาย) ทาหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน
ของโรงพยาบาล ธุรการ หาข้าวเปลือก
หาฟืน
และจ่ายยา จานวน ๒ คน
(๓) เจ้าหน้าที่ (ชาย) ทาหน้าที่จัดพลีทาน ทาบัตรจ่ายสลากยา หาฟืนเพื่อต้มยา จานวน ๒ คน
(๔) เจ้าหน้าที่ (ชาย) ทาหน้าที่หุงต้ม
ดูแลรักษาและจ่ายน้า หาดอกไม้และหญ้าบูชายัญตลอดจนทาความสะอาดเทวสถาน
จานวน ๑ ถึง ๒ คน
(๕) เจ้าหน้าที่ (ชาย) ทาหน้าที่ดูแลรักษาโรง
พยาบาล และส่งยาแก่แพทย์ ๑๔ คน
(๖) เจ้าหน้าที่ (คละกันหญิงชาย) ทำหน้าที่ให้
สถิติ จำนวน ๒ ถึง ๓ คน
(๗) เจ้าหน้าที่ (คละกันหญิงชาย) ทำหน้าที่ดูแล
ทั่วไป จำนวน ๔ คน
(๘) เจ้าหน้าที่ (หญิง) ทำหน้าที่โม่ยา
จานวน ๒ ถึง ๖ คน
(๙) เจ้าหน้าที่ (หญิง) ทำหน้าที่ตำข้าว
จานวน ๒ คน
(๑๐) เจ้าหน้าที่ (คละกันหญิงชาย) ทาหน้าที่
ประกอบพิธีบูชายัญ จานวน ๒ คน
(๑๑) โหราจารย์ จำนวน ๑ คน
ยังมีตำแหน่งผู้ดูแล, ธุรการ และผู้ให้สถิติอีก หลายคน ซึ่งระบุจำนวนไว้ไม่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม จารึกปราสาท
และจารึกสุรินทร์ ๒ ได้ระบุไว้ว่า จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในโรงพยาบาลมีถึง ๙๘ คน
-สิ่งของเครื่องใช้ประกอบการรักษาพยาบาล
เช่นเดียวกับจำนวนเจ้าหน้าที่
รายการจานวนสิ่ง ของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ได้รับมาไว้ใช้ในโรงพยาบาลนั้นมีจานวนไม่เท่ากันในโรงพยาบาลแต่ละแห่ง
จำนวนที่กล่าวถึงในที่นี้จึงเป็นจานวนที่พอจะทราบโดยประมาณ บางรายการไม่ได้ระบุจำนวนไว้ก็มี
(๑) ข้าวสาร ๑ โทรณะ1
(๒) เครื่องพลีทาน
(๓) เครื่องนุ่งห่มที่มีชายสีแดง ๑ ผืน
(๔) เครื่องนุ่งห่มสีขาว ๒ คู่
(๕) ผ้าสีขาว ๖ ผืน
(๖) อาหารโค ๒ ปละ2
(๗) กฤษณา ๓ – ๙ ปละ3
(๘) เทียนขี้ผึ้ง ๓ – ๗ ปละ
(๙) น้าผึ้ง ๒ – ๔ ปรัสถะ4 (หรือ กุทุวะ5?)
(๑๐) น้ำมัน ๑ – ๓ ปรัสถะ
(๑๑) เนยใส ๑ – ๓ ปรัสถะ (หรือ กุทุวะ?)
(๑๒) บุนนาค6 ๑ – ๒ บาท
............................................................
1 โทรณะ มาจาก โทฺรณ
(ภาษาสันสกฤต) หมาย ถึง โทณะ, ทะนาน เครื่องตวงอย่างหนึ่ง
2 ปละ มาจาก ปล
(ภาษาสันสกฤต) หมายถึง
หน่วยวัดน้าหนัก เท่ากับ ๔ กรฺษ
3 กฤษณา คือ ส่วนของไม้ซึ่งมีสีดา
กลิ่นหอม ใช้ทายาได้
4 ปรัสถะ มาจาก ปฺรสฺถ
(ภาษาสันสกฤต) หมายถึง หน่วยวัดปริมาณ,
ความจุ
5 กุทุวะ ไม่ทราบความหมาย
แต่คาดว่าน่าจะเป็นหน่วยวัดอีกประเภทหนึ่ง
6 บุนนาค เป็นชื่อต้นไม้ขนาดใหญ่
ใบยาวรี ปลายใบเรียวแหลม ดอกสีขาวคล้ายสารภี แต่ใหญ่กว่า กลิ่นหอม ใช้ทายาได้
7 มหาหิงคุ์ เป็นยางของต้นไม้ล้มลุกหลายชนิด
มีกลิ่นร้อนฉุนและเหม็น นิยมใช้เป็นยาทาภายนอก
8
สรปะ มาจาก สรฺษป (ภาษาสันสกฤต) หมายถึง หน่วยวัดที่ใช้กับวัตถุที่เบาที่สุด
9 ดีปลี ชื่อไม้เถา
มีรากตามข้อของลาต้นเพื่อยึดเกาะ ผลอัดแน่นเป็นช่อ ทุกส่วนมีกลิ่น โดยเฉพาะผลกลิ่นหอมฉุน
รสเผ็ดร้อน ใช้เป็นเครื่องเทศและทายาได้
10 ชะเอม แก้วคล้าย
: ไม่ทราบความหมายภาษาไทย จึงขอแปลทับศัพท์ ตามรูปศัพท์
"มิตรเทวะ" แปลว่า เทวดาผู้เป็นมิตร
แต่ในที่นี้ น่าจะเป็นชื่อเครื่องยาโบราณ จึงไม่ทราบความหมาย
(๑๓) จันทน์เทศ ๒ – ๓ ผล
(๑๔) เกลือ ๑ บาท
(๑๕) ผลกระวานเล็ก ๑ บาท
(๑๖) กายาน ๑ บาท
(๑๗) มหาหิงคุ์7 ๑ บาท
(๑๘) น้าตาลกรวด ๒ ปละ
(๑๙) เหลือบ ๓ – ๕ ตัว
(๒๐) ไม้จันทน์
(๒๑) ยางสนข้น
(๒๒) ดอกไม้ ๑๐๐ ดอก
(๒๓) พริกขี้หนู ๒ – ๓ กุทุวะ
(๒๔) พริกไทย ๒ ปรัสถะ (หรือ สรปะ8?)
(๒๕) พริกไทย ๑ – ๑.๕ กามือ
(๒๖) น้ากระเทียม ๑ ปละ
(๒๗) เปลือกกระเทียม ๑ ปละ
(๒๘) ดีปลี9ผง ๑ – ๒ บาท
(๒๙) มิตรเทวะ10 ๑ – ๓ บาท
(๓๐) ใบไม้ ๔๐ ใบ
(๓๑) กิ่งไม้ ๒๘ กิ่ง
(๓๒) ผักทอดยอด ๒ สรปะ
(๓๓) ถั่วฝักยาว ๒ สรปะ
11 ชะเอม แก้วคล้าย
: ไม่ทราบความหมายภาษาไทย จึงขอแปลทับศัพท์ ตามรูปศัพท์
"ทารวเฉท" แปลว่า เครื่องตัดไม้ หรือมีดตัดไม้
(๓๔) เทียนไข ๕ ปละ
(๓๕) ขี้ผึ้ง
(๓๖) น้าพุทรา ๑ ปรัสถะ
(๓๗) พุทรา ๑ ลูก
(๓๘) เมล็ดธานี
(๓๙) ผลตาลึง ๑ – ๓.๕ ผล
(๔๐) ข้าวบาร์ลีย์ ๑ บาท
(๔๑) ผลกระวานใหญ่ ๒ สรปะ
(๔๑) ขิงแห้ง ๒ สรปะ
(๔๒) หญ้ากระด้าง ๑ กามือ
(๔๓) น้าดอกไม้ ๓ กุทุวะ
(๔๔) เปลือกไม้ ๓ ปละ
(๔๔) ภาชนะดีบุก ๙ ใบ
(๔๕) เครื่องแต่งตัวยาวเก้าคืบ ๑๕ คู่
(๔๖) เสื้อผ้ายาวสิบคืบ ๑๒ คู่
(๔๖) ผ้าลายดอก
(๔๗) เสื้อยาว ๓ ตัว
(๔๘) ทารวเฉท11
เอกสารอ้างอิง
ตรงใจ หุตางกูร และนวพรรณ
ภัทรมูล. “จารึก ด่านประคา.”
ใน ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร,
๒๕๔๗ (online). เปิดข้อมูลเมื่อ ๒๕
สิงหาคม ๒๕๕๑